What are the different varieties of cacao?

ก่อนหน้านี้เราเคยพูดถึงเรื่องราวแหล่งปลูกต้นคาเคาหรือต้นโกโก้กันไปแล้ว สำหรับวันนี้เรามาดูกันว่าต้นโกโก้นั้นมีกี่สายพันธุ์ และมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้างค่ะ

(แหล่งปลูกโกโก้ : https://www.bluekoff.com/Article.aspx?m=view&id=37)

CACOA

ต้นคาเคาหรือต้นโกโก้ที่เรารู้จักนั้นเป็นพืชสกุล Theobroma  ซึ่งปลูกเป็นจำนวนมากในเชิงการค้าของประเทศต่าง ๆ นั้น มีหลายชนิดย่อย (Sub species) แต่เนื่องจากทั้งหมดมีจำนวน Chromosome เท่ากัน คือ 2n = 20 จึงสามารถผสมพันธุ์กันได้ ปัจจุบันได้แบ่งโกโก้เหล่านี้ออกเป็น 3 สายพันธุ์หลักๆ

1. พันธุ์คริโอลโล่ (Criollo)

ทั่วไป : เป็นสายพันธุ์ที่มีรสชาติและกลิ่นหอมที่โดดเด่น เป็นพันธุ์ที่ใช้กับอุตสาหกรรมช็อกโกแลตที่มีคุณภาพสูง แต่โกโก้ในกลุ่มนี้ปลูกไม่กว้างขวางนักเพราะ การเจริญเติบโตไม่ค่อยดี ต้นอ่อนแอและมักถูกโรคแมลงรบกวนได้ง่าย จึงไม่เป็นที่นิยมปลูก ส่วนมากสายพันธุ์นี้จะปลูกในแถบอเมริกา

ลักษณะของผล : มีผลค่อนข้างใหญ่ เปลือกบางนิ่ม ก้นผลยาวแหลม ผิวของผลขรุขระเป็นร่องลึก

สีของผล : มีผลสีแดงหรือสีเขียวและเมื่อสุกจะกลายเป็นสีเหลือง

เมล็ด : เมล็ดกลมใหญ่มีสีม่วงจนถึงสีขาว (White bean)

แหล่งปลูกสำคัญ : แม็กซิโก,นิคารากัว,โคลัมเบีย และประเทศในทวีปอเมริกากลาง-ใต้

 

2. พันธุ์ฟอรัสเทอร์โร่ (Forastero)

เป็นสายพันธุ์ที่ปลูกกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก มีจำนวนมากถึง 80% ของต้นโกโก้ทั้งหมด เนื่องจากให้ผลผลิตที่สูง แข็งแรงทนทานต่อโรคและการรบกวนของแมลง แต่เรื่องรสชาติและกลิ่นจะไม่ดีเท่ากับสายพันธุ์ “คริโอลโล่” มีทวีปแอฟริกาใต้เป็นแหล่งปลูกที่สำคัญ และสามารถแบ่งย่อยสายพันธุ์เป็น 2 กลุ่มคือ

2.1 พันธุ์เวสท์อัฟริกันอมีโลนาโด (West African Amelonado)

ทั่วไป : เป็นสายพันธ์ที่พบได้ทั่วไปสามารถผสมพันธุ์ตัวเองได้ ให้ผลผลิตที่ดี ข้อเสียคือโกโก้พันธุ์นี้ไม่ทนทานต่อโรค ยอดและกิ่งแห้ง

ลักษณะของผล : ผลยาวเปลือกหนา ก้นผลมน

สีของผล : มีผลสีเขียวและเมื่อสุกจะกลายเป็นสีเหลือง

เมล็ด : เมล็ดแบนกว่าพันธุ์ คริโอลโล่ เนื้อเมล็ดมีสีแดงเข้มหรือสีม่วงเข้ม

แหล่งปลูกสำคัญ : ประเทศในทวีปแอฟริกาใต้

2.2 พันธุ์อัพเปอร์อเมซอน (Upper Amazon)

ทั่วไป : มีการเจริญเติบโตดีให้ผลผลิตสูง แข็งแรงทนทานต่อการรบกวนของโรคและแมลงบางชนิด แต่ไม่สามารถผสมตัวเองได้

ลักษณะของผล : ขนาดผลจะคล้ายกับพันธุ์เวสท์อัฟริกันอมีโลนาโด

สีของผล : มีผลสีเขียวและเมื่อสุกจะกลายเป็นสีเหลือง

เมล็ด :  มีขนาดเล็กกว่าพันธุ์เวสท์อัฟริกันอมีโลนาโด เนื้อเมล็ดมีสีม่วงเข้ม

แหล่งปลูกสำคัญ : ประเทศในทวีปแอฟริกาใต้

3. พันธุ์ทรีนิตาริโอ (Trinitario)

ทั่วไป : เป็นพันธุ์ที่เข้าใจว่าเกิดจากการผสมกันระหว่าง Criollo กับ Forastero ข้อดีของสายพันธุ์นี้ คือ มีรสชาติและความหอมของโกโก้ซึ่งได้รับมาจาก Criollo และยังแข็งแรงต้านโรค ให้ผลผลิตดีอีกด้วย

ลักษณะของผล : ก้นผลยาวแหลม ผิวของผลขรุขระเป็นร่องลึก

สีของผล : มีผลสีเขียวหรือสีแกมแดงเมื่อสุกจะมีผลสีแดงอมม่วง

เมล็ด : เมล็ดมีขนาดใหญ่ มีสีม่วงเข้มจนถึงสีขาว

แหล่งปลูกสำคัญ : ทวีปอเมริกาใต้และทวีปเอเขีย

การพัฒนาสายพันธุ์โกโก้

ปัจจุบันสายพันธุ์โกโก้ที่ปลูกเพื่อใช้ในเชิงการค้านั้นส่วนมากแล้วจะเป็นลูกผสมแทบทั้งสิ้นนี้ เนื่องจากโกโก้ลูกผสมนั้นได้รับการปรับปรุง แก้ไข จุดด้อยของสายพันธุ์ให้ดีขึ้นกว่าพันธุ์ที่มีอยู่เดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเจริญเติบโต การให้ผลผลิต คุณภาพและขนาดเล็ก ความทนทานต่อโรคและแมลง

สำหรับในประเทศไทยเองก็มีการขึ้นทะเบียนรับรองพันธุ์พืชเช่นกัน เช่น สายพันธุ์ “โกโก้ลูกผสมชุมพร1” นั่นเอง