Bluekoff Washed Process

     วันนี้เราจะมาชวนทุกคนมาบุกตะลุยแหล่งปลูกกาแฟขึ้นชื่อของเชียงรายอย่าง “ดอยช้าง” แหล่งปลูกกาแฟอราบิก้าที่ขึ้นชื่อและเป็นที่เลื่องลือเรื่องกลิ่นหอมและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ที่ทำให้คอกาแฟหลายคนยกให้เป็นแหล่งปลูกที่มีความน่าสนใจและชื่นชอบรสชาติกาแฟจากที่นี่ค่ะ

ทำไมบลูคอฟถึงเลือกกาแฟจากแหล่งปลูกจากดอยช้าง?

     เราพาทุกคนย้อนกลับมาเมื่อปี 2543 เราได้พยายามค้นหาแหล่งปลูกกาแฟอราบิก้าคุณภาพดีทั่วประเทศ โดยนำเมล็ดกาแฟจากหลากหลายแหล่งปลูก แต่ละดอย เพื่อหาแหล่งปลูกที่มีความโดดเด่นที่สุด และเราก็ได้พบกับแหล่งปลูกกาแฟจากบ้านดอยช้าง จังหวัดเชียงรายในปีนั้น

     ซึ่งกาแฟจากแหล่งปลูกดอยช้างนั้นมีกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เราจึงตัดสินใจเลือกบ้านดอยช้างแห่งนี้เป็นฐานการผลิตเมล็ดกาแฟของบลูคอฟนั่นเอง

     ซึ่งโปรเซสหลักๆ ของบลูคอฟจะเป็น Washed Process หรือการโปรเซสแบบเปียก โดยกระบวนการนี้จะใช้น้ำในปริมาณมาก เพราะใช้เกือบทุกๆ ขั้นตอน และเพื่อให้เราสามารถควบคุมคุณภาพของเมล็ดกาแฟที่ต้องการให้ได้ 100% เราได้ก่อตั้งโรงงานทำเมล็ดกาแฟที่บ้านดอยช้างขึ้น ก็คือ Bluekoff Plantation นั่นเองค่ะ

     ซึ่งในแต่ละปีเราจะมีกิจกรรม Bluekoff the Origin ที่จะพาลูกค้าเดินทางมายังบ้านดอยช้างเพื่อศึกษาเรื่องโปรเซสของเราและพาไปดื่มด่ำกับบรรยากาศสวยๆ ของไร่กาแฟ เก็บเมล็ดกาแฟเพื่อทำโปรเซส ใครที่สนใจสามารถติดตามการเคลื่อนไหว และกิจกรรมต่างๆ ของเราได้ทาง Facebook Page นะคะ

Bluekoff Facebook

เรามาดูกันค่ะว่า Washed Process ของเรามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?

      เมื่อฤดูการเก็บเกี่ยวมาถึงประมาณช่วงเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ ของทุกปี เราจะทำการรับซื้อเชอร์รี่กาแฟจากเกษตรกรที่เป็นสมาชิก เพื่อเป็นการควบคุมคุณภาพและสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ เพื่อให้ได้เชอร์รี่กาแฟจากต้นทางที่ดี และเรายังแนะนำรวมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับการเพาะปลูกและดูแลรักษาต้นกาแฟให้กับเกษตรกรเพื่อให้สามารถนำไปปรับใช้กับไร่กาแฟของตัวเองอีกด้วย

     หลังจากรับเชอร์รี่กาแฟจากเกษตรกรแล้ว จะทำการเทเชอร์รี่กาแฟผ่านเข้าเครื่อง De Stoner เพื่อแยกเศษหิน ใบไม้ และกิ่งไม้ต่างๆ ที่ติดมากับเชอร์รี่กาแฟนั่นเองค่ะ

     หลังจากผ่านเครื่อง De Stoner แล้ว เชอร์รี่กาแฟจะไหลลงสู่บ่อซีเมนต์ขนาดใหญ่ที่เติมน้ำไว้ เพื่อทำความสะอาดเศษดิน เศษฝุ่น และเป็นการคัดแยกเชอร์รี่กาแฟที่น้ำหนักเบา รวมถึงเศษใบไม้ / กิ่งไม้ ไปยังอีกบ่อหนึ่ง เราจะเลือกใช้เฉพาะเมล็ดกาแฟที่จมเท่านั้นค่ะ และนี่เป็นการคัดแยกเชอร์รี่กาแฟในขั้นตอนเริ่มต้นนั่นเอง

     หลังจากผ่านการคัดแยกเชอร์รี่กาแฟลอยออกแล้ว เชอร์รี่กาแฟที่จมจะถูกนำมาสีเปลือกออกและเปลือกของเชอร์รี่กาแฟจะถูกนำไปหมักเพื่อทำเป็นปุ๋ย แล้วแจกจ่ายให้กับเกษตรกร เพื่อนำไปใช้กับต้นกาแฟต่อไปค่ะ

     เมื่อทำการสีเปลือกเรียบร้อยแล้ว จะได้เมล็ดกาแฟที่มีขนาดใหญ่ น้ำหนักดี และถูกส่งไปยังบ่อหมักกาแฟเกรด A ของเรา ซึ่งเมล็ดกาแฟหลังจากสีเปลือกแล้วจะมีเมือกกาแฟติดอยู่ มีลักษณะเหนียวและลื่น ซึ่งเราจะนำมาหมักในบ่อหมักที่เติมน้ำสะอาดไว้ประมาณ 24 ชั่วโมง เราจะให้จุลินทรีย์ตามธรรมชาติหมักเมล็ดกาแฟ เพื่อสร้างกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับกาแฟของเรา และเมื่อครบ 24 ชั่วโมง เมือกที่เคยมีจะหลุดออกมาบ้างในบางส่วน

     จากนั้นเราจะนำเมล็ดกาแฟที่ผ่านการหมักแล้วมาขัดเมือกกันค่ะ ซึ่งกระบวนการนี้มีหลักการเดียวกันกับการปั่นแห้งของเครื่องซักผ้านั่นเองค่ะ

Tip!

     เมือกที่ติดอยู่กับเมล็ดกาแฟจะมีน้ำตาลซึ่งเป็นอาหารของจุลินทรีย์ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เมล็ดกาแฟหมักต่อ ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของรสชาติ เราจึงต้องทำการขัดเมือกออก เพื่อให้สามารถควบคุมคุณภาพของกลิ่นและรสชาติของกาแฟได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเองค่ะ

     หนึ่งในความพิเศษของบลูคอฟคือ เมื่อทำการขัดเมือกแล้ว เราจะไม่นำเมล็ดกาแฟไปตากในทันที แต่เมล็ดกาแฟทั้งหมดจะถูกลำเลียงต่อมายังเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายถังทรงกระบอกขนาดใหญ่ เราจะทำการอบแห้งเมล็ดกาแฟเพื่อลดความชื้นที่มีอยู่ในเมล็ดกาแฟลงก่อน

     โดยจะใช้ความร้อนจากเตาถ่านขนาดใหญ่ ที่มีการควบคุมดูแลเรื่องอุณหภูมิและความชื้นเป็นอย่างดี

     หลังจากที่ระดับความชื้นเหมาะสมแล้ว เราจะนำเมล็ดกาแฟไปตากบนลานตากเมล็ดกาแฟนั่นเอง

     เมื่อทำการตากแห้งเรียบร้อยแล้ว เมล็ดกาแฟที่ยังมีกะลาติดอยู่จะถูกบรรจุลงในกระสอบป่านส่งมายังโรงเก็บรักษาเมล็ดกาแฟ เพื่อทำการบ่มเมล็ดกาแฟก่อน โดยควบคุมเรื่องของอุณหภูมิ ความชื้น เป็นอย่างดี และป้องกันไม่ให้โดนแสงแดดเป็นเวลาประมาณ 3-6 เดือน เพื่อเป็นการพักเมล็ดกาแฟหรือเป็นการปรับสภาพของเมล็ดกาแฟ ทำให้รสชาตินิ่งและลงตัวมากขึ้น

Tip!

     เมล็ดกาแฟที่ไม่ผ่านการบ่มก็เปรียบเสมือนผลไม้ที่ยังไม่ลืมต้น รสชาติจะฝาด มีกลิ่นเขียว ไม่อร่อย ดังนั้นกาแฟที่มีคุณภาพและมาตรฐานที่ดี ต้องผ่านการบ่มที่ดีในระยะเวลาที่เหมาะสม

     เมื่อบ่มได้ระยะเวลาที่เหมาะสมแล้ว เราจะนำเมล็ดกาแฟมาสีเพื่อเอากะลาออก และคัดแยกขนาดเมล็ดกาแฟ จากนั้นนำมาคั่วด้วยโปรไฟล์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ และแพ็กด้วยขั้นตอนและกระบวนการที่ได้มาตรฐานการผลิต ต้องบอกเลยว่าในทุกๆ ขั้นตอนเราทำอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ได้เมล็ดกาแฟที่ได้มาตรฐานก่อนส่งตรงถึงมือลูกค้าทุกท่านค่ะ

     นอกจาก Washed Process แล้ว เรายังมีโปรเซสอื่นๆ ที่มีความน่าสนใจ รอติดตามบทความต่อๆ ของเราได้ค่ะ สำหรับวันนี้เราต้องขอลาไปกับบทความนี้ของเรากันเลยค่ะ