วิธีเลือกเครื่องปั่นสำหรับร้านกาแฟ

     

     เครื่องปั่นเป็นอีกหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นอีกอย่างที่ต้องมีในร้านกาแฟ ซึ่งการเลือกซื้อให้เหมาะสมกับการใช้งานนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ดังนั้นเราจะมาดูกันว่าเราต้องคำนึงถึงปัจจัยใดบ้าง?

     ก่อนที่เราจะไปดูวิธีเลือกเครื่องปั่นสำหรับร้านกาแฟของคุณ ขอแนะนำเครื่องปั่นกันก่อนว่ามีแบบไหนบ้าง?

เครื่องปั่นมือถือหรือเครื่องปั่นแบบมือจับ (Hand Blender)

     หรืออาจจะเรียกว่าเครื่องปั่นมือจับ หรือเครื่องปั่นแบบจุ่มก็ได้เช่นเดียวกัน นับว่าเป็นเครื่องปั่นที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย นิยมใช้ในการปั่นหรือผสมอาหารที่มีความนุ่ม ไม่ว่าจะเป็นการตีไข่ ตีครีม รวมทั้งปั่นผลไม้ที่มีความนุ่ม แต่จะไม่เหมาะที่จะใช้บดอาหารหรือวัตถุดิบที่มีความแข็ง อย่างน้ำแข็งได้ อีกหนึ่งจุดเด่นของเครื่องปั่นมือถือคือสามารถใช้งานร่วมกับภาชนะได้หลากหลายตามต้องการได้

เครื่องปั่นแบบหัวกระสุนหรือแบบแก้วพร้อมดื่ม (Bullet Blender)

     เป็นเครื่องปั่นที่สามารถใช้ปั่นผักผลไม้ได้ ทั้งเนื้อนิ่ม เนื้อหยาบ และเนื้อแข็ง เป็นเครื่องปั่นที่มีขนาดเล็ก พกพาง่าย และนิยมอย่างมากสำหรับคนรักสุขภาพ การใช้งานก็ทำได้ง่ายเพียงใส่วัตถุดิบลงไปในแก้ว ประกอบเข้ากับฝาปิดที่มีใบมีดติดอยู่ ปิดฝาให้แน่น และทำการปั่น และสามารถดื่มได้จากแก้วได้เลย จึงเป็นที่นิยมสำหรับการพกพา

เครื่องปั่นแบบโถหรือแบบเหยือกตั้งโต๊ะ (Countertop Blender)

     เป็นเครื่องปั่นแบบมีโถปั่นลักษณะคล้ายเหยือก มีใบมีดติดอยู่ด้านล่าง ใช้งานร่วมกับฐานตั้งโต๊ะที่มีมอเตอร์ไฟฟ้า ใช้งานได้หลากหลายกว่า 2 รูปแบบแรกอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้เนื้อนุ่ม เนื้อหยาบ เนื้อแข็ง ผลไม้แช่แข็ง รวมทั้งปั่นน้ำแข็งก้อนเล็กๆ ได้ เป็นที่นิยมอย่างมากในครัวเรือน

เครื่องปั่นประสิทธิภาพสูงหรือเครื่องปั่นพลังสูง (High Performance Blender)

     จะมีลักษณะคล้ายกับเครื่องปั่นแบบโถ แต่ฐานของตัวเครื่องจะใหญ่กว่า กำลังปั่นสูง และในส่วนของโถปั่นอาจจะใหญ่กว่า เหมือนชื่อที่บอกว่าเป็นเครื่องปั่นพลังสูง ทำให้ตัวเครื่องปั่นมีความทนทานมากกว่าเครื่องปั่นแบบอื่นๆ เรื่องการใช้งานก็สามารถใช้งานได้หลากหลายทั้งการปั่นวัตถุดิบสำหรับทำอาหาร เครื่องดื่ม รวมทั้งปั่นรวมกับน้ำแข็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ นิยมใช้ในร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านขายน้ำผลไม้ปั่น เป็นต้น

     หลังจากที่เรารู้แล้วว่าเครื่องปั่นมีรูปแบบไหนบ้างกันแล้ว การเลือกเครื่องปั่นสำหรับใช้ในร้านกาแฟก็ต้องดูในเรื่องของการใช้งาน เนื่องจากต้องมีการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งปั่นกาแฟ ปั่นน้ำผลไม้ หรือแม้แต่ผลไม้ที่มีความแข็งอย่างผลไม้แช่แข็ง เครื่องปั่นที่ใช้ในร้านกาแฟก็ควรต้องมีความแข็งแรง ทนทาน รวมทั้งฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลาย สามารถปรับความเร็วและความแรงของเครื่องได้ตามความเหมาะสมกับเครื่องดื่มได้ และเครื่องปั่นที่ตอบโจทย์เหล่านี้ก็คงหนีไม่พ้นเครื่องปั่นประสิทธิภาพสูงหรือเครื่องปั่นพลังสูง

     ความเร็วรอบของมอเตอร์เป็นตัวที่บอกว่าเครื่องปั่นเร็วและแรงแค่ไหน สามารถตรวจสอบได้จากกำลังไฟหรือสัญลักษณ์ W (วัตต์) ที่จะบอกอยู่บริเวณตัวเครื่อง แนะนำเครื่องปั่นที่มีกำลังไฟ 1,000 วัตต์ขึ้นไป เพราะหากมีกำลังไฟที่น้อยกว่าการใช้งานจริงอาจทำให้เครื่องปั่นทำงานหนักเกินไปอาจจะทำให้มอเตอร์ไหม้ หรือทำให้เครื่องปั่นเสื่อมสภาพเร็วขึ้นได้ สำหรับเครื่องปั่นแบบเครื่องปั่นพลังสูงก็หมดห่วงเรื่องกำลังไฟ เนื่องจากสูงกว่า 1,000 วัตต์อย่างแน่นอน

     และอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้สำหรับการเลือกเครื่องปั่นคือเรื่องของใบมีด ซึ่งใบมีดของเครื่องปั่นส่วนใหญ่จะทำจากสเตนเลส ยิ่งเป็นสเตนเลสเกรดสูงก็จะยิ่งมีความแข็งแรง ทนทาน คม และขึ้นสนิมได้ยาก นอกจากเรื่องวัสดุแล้วลักษณะของใบมีดเองก็ส่งผลต่อการปั่นเช่นเดียวกัน การจัดเรียงใบมีดที่แตกต่างกันจะส่งผลต่อความสม่ำเสมอในการปั่นผสมด้วย ใบมีดแบบแบนสามารถปั่นผัก ผลไม้ ได้ง่าย ในขณะที่ใบมีดแบบคลื่นสามารถปั่นน้ำแข็งให้ละเอียดได้รวดเร็ว

ข้อควรระวังและวิธีรักษาเครื่องปั่นให้มีอายุการใช้งานที่นาน

1. ไม่ควรปั่นผลไม้ที่มีชิ้นขนาดใหญ่เกินไป

     ควรหั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนนำเข้าไปปั่น รวมถึงไม่ควรนำผลไม้แช่แข็งลงไปปั่น เพราะอาจจะส่งผลให้ใบมีดชำรุดได้ ควรนำผลไม้แช่แข็งรอให้ละลายก่อนนำไปปั่น

2. ไม่ควรเขย่าโถปั่นในขณะที่เครื่องกำลังทำงาน

     เนื่องจากอาจส่งผลต่อฐานโถปั่นที่ยึดชุดใบมีอยู่ ทำให้เกลียวของชุดใบมีดหลวมหรือชำรุด และหากเครื่องกำลังทำงานใกล้เสร็จแล้วอย่าเพิ่งรีบดึงโถปั่นออกจากตัวเครื่อง ควรรอให้เครื่องปั่นหยุดสนิทก่อนไม่เช่นก็จะเกิดเป็นปัญหาเดียวกันได้

3. ไม่ควรคว่ำโถปั่นหลังจากล้างเสร็จ

     เมื่อล้างโถปั่นแล้วควรหงายโถไว้ ไม่แนะนำให้คว่ำลงเพราะเมื่อคว่ำลง เนื่องจากฐานใบมีดอาจมีน้ำขัง ซึ่งจะทำให้เกิดสนิมได้ แนะนำว่าล้างเสร็จแล้วควรเช็ดให้แห้งจะดีที่สุด

สรุป

     เมื่อเลือกเครื่องปั่นที่เหมาะสมกับร้านของคุณแล้ว สิ่งที่สำคัญที่ควรคำนึงถึงนั่นก็คือ การหมั่นดูแลรักษาเครื่องปั่นและอุปกรณ์ต่างๆ รวมไปจนถึงการทำความสะอาดที่ถูกวิธี เพื่อให้เครื่องปั่นสมูทตี้ของเรา มีอายุการใช้งานได้ยาวขึ้น